ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบไหนดี? เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน (อัปเดต 2024)

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบไหนดี?
เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน (อัปเดต 2024)

ฟิล์มรถยนต์

               แสงแดด เป็นสิ่งที่ทุกคนพบเจอในชีวิตประจำวัน แม้แสงแดดจะมีประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ช่วยในการสังเคราะห์วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความดันโลหิต แต่แสงแดดก็ยังแฝงอันตรายด้วยเช่นกัน เช่น รังสียูวี ( UV ) และความร้อน ที่สามารถส่งผลต่อสุขภาพได้ ในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ จะไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดมาก เนื่องจาก การทำงานในสำนักงาน หรือ การเรียนการสอนส่วนมากก็อยู่ภายในอาคารกันทั้งนั้น ซึ่งการสัมผัสแสงแดดส่วนมากจะเกิดในช่วงระหว่างการเดินทาง

               ประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตประเทศโซนร้อน จึงได้รับแสงแดดแรงเป็นพิเศษ อากาศจึงร้อนเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน และนอกจากนี้ยังมีปัญหาในการเดินทางที่แทบทุกคนเจอก็คือ รถติด !! ทำให้ระยะเวลาในการเดินทางยาวนานขึ้น ส่งผลให้ร้อน เกิดอาการผิวไหม้ อ่อนเพลีย และรวมถึงอุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพ ฟิล์มกรองแสงจึงมีส่วนสำคัญในการช่วยปกป้องทั้งคุณและรถจากอันตรายของแสงแดดได้

               บทความนี้ จะพาทุกท่านเจาะลึกความสำคัญของฟิล์มกรองแสง และวิธีการเลือกความเข้มของฟิล์มกรองแสงรวมถึงการตัดสินใจเลือกฟิล์มที่เหมาะกับการใช้งาน

ฟิล์มรถยนต์

ความเข้มของฟิล์มกรองแสงยอดนิยม

               ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ( หรือ ที่มักเรียกว่า ฟิล์มรถยนต์ ) คือ แผ่นพลาสติกใสบาง ๆ ที่มีการเคลือบด้วยสารพิเศษ ติดตั้งบนกระจกรถยนต์ มีคุณสมบัติมากมายดังนี้

7 คุณสมบัติของฟิล์มกรองแสงรถยนต์

               1. ป้องกันแสงแดด ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วงป้องกันรังสียูวี ( UV ) ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวคล้ำ ฝ้า กระ และมะเร็งผิวหนัง

               2. ป้องกันความร้อน ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วยป้องกันรังสีความร้อนจากแสงแดด ช่วยทำให้ห้องโดยสารเย็นสบายมากขึ้น ลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

               3. เพิ่มความเป็นส่วนตัว ฟิล์มกรองแสงช่วยจำกัดการมองเห็นจากภายนอก ทำให้เมื่อภายนอกมองมาจะมองไม่เห็นถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

               4. เพิ่มความปลอดภัย ฟิล์มกรองแสงจะช่วยยึดเศษกระจกไว้ด้วยกัน ป้องกันอันตรายจากกระจกแตกกระจาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

               5. เพิ่มความสวยงาม ฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายสี หลายหลากความเข้ม ช่วยให้รถสวยงาม ทันสมัย และมีสไตล์ที่แตกต่าง

               6. รักษาอุปกรณ์ภายในรถ ฟิล์มกรองแสงจะช่วยป้องกันอุปกรณ์ภายในรถบริเวณที่แสงแดดส่องถึง เช่น เบาะที่นั่ง คอนโซล และแผงหน้า ไม่ให้สีซีดจาง แห้งกรอบ หรือแตกร้าว

               7. เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ฟิล์มกรองแสงจะช่วยให้แสงแดดที่ส่องแบบแสงจ้ามาก ๆ ดูอ่อนลง ลดแสงสะท้อนต่าง ๆ ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสบายตามากขึ้น

ฟิล์มรถยนต์

ความเข้มของฟิล์มกรองแสงยอดนิยม

               ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีให้เลือกหลากหลายความเข้ม โดยความเข้มจะวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ของแสงสว่างที่สามารถผ่านเข้ามาในรถได้ โดยความเข้มของฟิล์มที่นิยมใช้จะมี 40% , 60% และ 80% จะมีความเหมาะสมในการติดตั้งดังนี้

ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 40%

               – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 40-80%
               – ป้องกันความร้อนได้ 50-60%
               – สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน
               – สำหรับผู้ที่ต้องการความสว่างภายในรถ
               – เหมาะกับการติดตั้งสำหรับกระจกบานหน้า

ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 60%

               – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 20-40%
               – ป้องกันความร้อนได้ 60-70%
               – มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน
               – สำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความสว่างและความเย็นสบาย
               – เหมาะกับการติดตั้งสำหรับกระจกรอบคัน

ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 80%

               – แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ 5-20%
               – ป้องกันความร้อนได้ 80-90%
               – มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน
               – สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความเย็นสบาย
               – เหมาะกับการติดตั้งกระจกรอบบคัน

5 ปัจจัยสำคัญที่มีผลในการเลือกความเข้มของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสงทุกชนิดไม่ได้เหมาะสมกับรถ หรือผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกประเภท ดังนั้นควรเลือกฟิล์มกรองแสงให้เหมาะสมกับการใช้งาน ดังนี้

          1. การใช้งาน

                – ขับขี่ในช่วงกลางวัน ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่สามารถป้องกันรังสี UV และป้องกันความร้อน โดยแนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 40-60%
                  – ขับขี่ในช่วงกลางคืน เลือกฟิล์มกรองแสงที่สามารถมองเห็นจากภายในได้ชัดเจน ไม่เลือกฟิล์มสีเข้มจนเกินไป เพราะจะทำให้มองเห็นได้ลำบาก แนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 40%
                  – ต้องการความเป็นส่วนตัว เลือกฟิล์มที่เน้นความเข้ม ภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ แนะนำความเข้มของฟิล์มที่ 60-80%

           2. กฎหมาย ในไทยการติดฟิล์มความเข้ม 80% ไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการยกเลิกกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 แต่ปัจจุบันฟิล์มกรองแสงประเภทที่มีปรอทสูงยังผิดกฎหมายอยู่ เนื่องจากฟิล์มกรองแสงที่มีปรอทสูง จะมีค่าสะท้อนแสงที่สูง ทำให้รบกวนสายตาผู้อื่นขณะขับขี่

           3. คุณสมบัติของฟิล์ม ควรเลือกฟิล์มที่มีค่าการป้องกันความร้อนที่ดี ดูได้จากค่า IR ( Infrared Rejected ) เนื่องจากฟิล์มบางชนิดที่ความเข้มของฟิล์มน้อยกว่าก็สามารถป้องกันความร้อนได้ดีเช่นกัน เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศประเทศไทย

           4. สีรถ ฟิล์มกรองแสงสีให้เลือกหลายสี ดังนั้นฟิล์มกรองแสงบางสี ก็จะช่วยให้รถดูโดดเด่นมากขึ้น

             5. สุขภาพ สำหรับผู้ขับขี่ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เช่น มองในที่มืดไม่ชัดเจน ไม่ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้มมากจนเกินไป%

          สรุป ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากแสงแดด รังสี UV  และความร้อน การเลือกความเข้มของฟิล์มที่เหมาะสมจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น การใช้งาน กฎหมาย สภาพอากาศ สุขภาพของผู้ขับขี่ หรือแม้แต่กระทั้งยี่ห้อฟิล์มกรองแสงที่ได้คุณภาพ และผู้ติดตั้งฟิล์มกรองแสงจากผู้เชี่ยวชาญ ควรเลือกร้านติดตั้งที่มีประสบการณ์ ได้มาตรฐาน ตรวจสอบใบรับประกันสินค้า และราคาสินค้า แต่ !! ฟิล์มดี … ทำไมต้องแพง ?

 

·        ป้องกันรังสีอินฟราเรด IR ดีเยี่ยมสูงถึง 95% ลดแสงสะท้อนได้มากถึง 99%

·        ฟิล์มโทนสี เทาดำ ภายนอกดูส่วนตัว ภายในใสปิ๊ง

·        ไม่รบกวนสัญญาณดิจิตอลต่างๆ เช่น 5G, EASY PASS และสัญญาณหมู่บ้าน

·        กาวประสิทธิภาพสูงผลิตมาพิเศษ สำหรับการติดตั้งอย่างมืออาชีพ ไม่ทิ้งคราบกาว ทนทาน ยาวนาน ไม่ซีด ไม่จาง

·        รับประกันยาวนานกว่าถึง 8 ปีเต็ม

Ray-Shield