ADAS !! เทคโนโลยีกระจกรถยนต์อัจฉริยะด้านความปลอดภัย
ในปัจจุบัน เป็นยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เข้ามาผสมผสานในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตให้สะดวกสบายมากขึ้น ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น รวมไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ยุคแห่งนวัตกรรม ในปี 2567 นี้ ไม่มีที่ไหน ไม่พูดถึง AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้น คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่กำลังก้าวเข้าสู่ “ยานยนต์อัจฉริยะ” เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ หนึ่งในนั้นคือ ระบบ ADAS หรือ ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยผู้ขับขี่บนท้องถนน เพิ่มความปลอดภัย และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ADAS หมายถึง ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ( Advanced Driver Assistance Systems ) ที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจกหน้ารถยนต์ ซึ่งระบบนี้ประกอบด้วยกล้องและเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับสภาพแวดล้อมบริเวณที่ขับขี่ และแจ้งเตือน หรือ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ในสถานการณ์ต่าง ๆ
การทำงานของระบบ ADAS บนกระจกมีหลายประเภท และแต่ละประเภทมีหน้าที่และการทำงานที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปจะมี 7 ประเภท ดังนี้
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning) เป็นระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป หรืออาจมีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน
- ระบบช่วยควบคุมเลน (Lane Keeping Assist) เป็นระบบที่ตรวจจับเส้นเลนบนถนน ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ภายในเลน และมีระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถกำลังออกนอกเลน
- ระบบตรวจจับจุดอับสายตา (Blind Spot Detection) เป็นระบบตรวจจับรถในจุดอับสายตา และมีการแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา เช่น แจ้งเตือนรถข้าง ๆ เวลาเปลี่ยนเลน
- ระบบตรวจจับสัญญาณไฟจราจร (Traffic Light Detection) เป็นระบบที่ตรวจจับสัญญาณไฟจราจร และมีการแจ้งเตือนผู้ขับขี่เกี่ยวกับสัญญาณไฟจราจร
- ระบบตรวจจับป้ายจราจร (Traffic Sign Recognition) เป็นระบบที่ตรวจจับป้ายจราจร และมีการแจ้งเตือนผู้ขับขี่เกี่ยวกับป้ายจราจร เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว
- ระบบตรวจจับคนเดิน (Pedestrian Detection) เป็นระบบที่ตรวจจับคนเดิน แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีคนเดินอยู่บนถนน และมีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติสำหรับคนเดิน (P-AEB) เบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชนคนเดิน
- ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) เป็นระบบที่ตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ และสามารถควบคุมรถให้อัตโนมัติโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ขับขี่
ADAS จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในด้านความปลอดภัยในขณะขับขี่ เปรียบเสมือน ตาที่สามของรถยนต์ ที่อยู่บนกระจกรถยนต์ในขณะขับรถ แต่ว่าดวงตานั้นมีความสามารถ มองเห็นได้อย่างแม่นยำจริงหรือ??? ดังนั้นบทความนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นความเสี่ยงทำให้ดวงตาที่สาม หรือ ระบบ ADAS ของรถยนต์ไม่แม่นยำ ดังนี้
- สภาพอากาศ หากบริเวณที่ขับขี่มีฝนตกหนัก หมอกหนา ฝุ่นเยอะ หรือหิมะตก จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบ ADAS รวมถึงแสงแดดจ้า แสงสะท้อน หรือแสงไฟจากรถยนต์คันอื่น ทำให้ระบบ ADAS ตรวจจับวัตถุบนท้องถนนได้ยากขึ้น
- สภาพถนน การขับขี่ผ่านบริเวณถนนที่ขรุขระจะส่งผลให้ระบบเกิดความสั่นไหวและตรวจจับวัตถุบนท้องถนนได้ยากขึ้น
- ซอฟต์แวร์ ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการอัพเดตแต่ละครั้งอาจมีการแก้ปัญหาของระบบ หากขาดการอัพเดต หรือ ขาดการปรับเทียบ ก็อาจทำให้ระบบ ADAS ทำงานผิดพลาดได้
- การบดบังกล้อง เนื่องด้วยระบบ ADAS ติดตั้งบริเวณเหนือกระจกหน้ารถ หากมีการติดสติ๊กเกอร์ หรือสิ่งสกปรกก็จะบดบังการทำงานได้เช่นกัน
- กระจกหน้ารถมีปัญหา ระบบ ADAS ใช้กล้องในการตรวจวัดระยะ เช่น กระจกรถยนต์แตก ร้าว และการเปลี่ยนกระจกรถยนต์ หากเป็นกระจกรถยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ การไม่มีการปรับเทียบก็ส่งผลได้เช่นกัน
สรุป ระบบ ADAS ก็คือ ระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ เช่น การช่วยเบรกอัตโนมัติ การช่วยแจ้งเตือนหากมีรถคันอื่น ๆ อยู่ใกล้ขณะเปลี่ยนเลน รวมไปถึง การขับขี่อัตโนมัติ โดยรวมจะเห็นว่าระบบ ADAS เป็นเหมือน ดวงตา อีกดวงหนึ่งของผู้ขับขี่ที่มีความสำคัญในด้านความปลอดภัย ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนของกระจกหน้ารถยนต์ หากกระจกรถยนต์เกิดมีปัญหา เช่น เกิดรอยแตก ร้าว ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบ ADAS ด้วยเช่นกัน
เลือกแก้ปัญหาด้านกระจกรถยนต์ เลือกศูนย์เปลี่ยนกระจกรถยนต์ที่ได้รับมาตรฐานระดับโรงงานประกอบรถยนต์ (มาตรฐาน OEM) ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 37 ปี และมีมากถึง 8 สาขา พร้อมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ Glasstech