ADAS กับ AI เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?

ADAS กับ AI เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?

ADAS กับ AI

ADAS (ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง) คืออะไร?

          ADAS หรือ Advanced Driver-Assistance Systems เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งในรถยนต์ เพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการควบคุมรถยนต์ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยระบบ ADAS จะใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น กล้อง เรดาร์ และไรด้า เพื่อตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ( อ่านเพิ่มเติม คลิก !! )

AI (ปัญญาประดิษฐ์) คืออะไร?

          AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือ สาขาหนึ่งของวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มุ่งพัฒนาระบบให้มีความสามารถในการเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหา โดย AI จะใช้ข้อมูลจำนวนมากในการฝึกฝนโมเดล เพื่อให้สามารถทำนายผลลัพธ์หรือตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

AI ช่วยให้ ADAS ฉลาดขึ้น !!

          โดย AI จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์และกล้องของรถยนต์ ทำให้ระบบ ADAS สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม แม่นยำและรวดเร็วต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การคาดการณ์การเคลื่อนไหวของรถคันอื่น หรือการตรวจจับวัตถุที่อยู่บนท้องถนนได้อย่างละเอียด ซึ่งจะใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและช่วยเหลือผู้ขับขี่โดยการส่งสัญญาณเตือน หรือควบคุมรถยนต์บางส่วน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ADAS กับ AI

ตัวอย่างการทำงานของ AI ที่ทำงานร่วมกับระบบ ADAS

     1. ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking – AEB)
          AI : ใช้เทคนิค Deep Learning ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องรอบคัน เพื่อตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนไหว เช่น รถยนต์ คน หรือสัตว์
          ADAS : เมื่อ AI ตรวจพบว่ามีวัตถุเคลื่อนที่เข้ามาใกล้และมีความเสี่ยงชน ระบบ ADAS จะคำนวณระยะทางและความเร็ว เพื่อตัดสินใจว่าจะเบรกหรือหลบหลีกอย่างไร
          ประโยชน์ : ช่วยป้องกันหรือลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนท้าย
     2. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control – ACC)
          AI : ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์และกล้อง เพื่อตรวจจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า
          ADAS : ระบบจะควบคุมคันเร่งและเบรก เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยกับรถคันหน้า และปรับความเร็วตามสภาพการจราจร
          ประโยชน์ : ช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ และช่วยประหยัดน้ำมัน
     3. ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (Automated Parking Assist)
          AI : ใช้กล้องหลายตัวรอบคัน เพื่อสร้างแผนที่ 3 มิติของพื้นที่จอดรถ
          ADAS : ระบบจะควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง และเบรก เพื่อนำรถเข้าจอดในช่องจอดรถที่แคบและซับซ้อน
          ประโยชน์ : ช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย
     4. ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Assist)
           AI : ใช้กล้องเพื่อตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร
           ADAS : เมื่อรถเริ่มออกนอกช่องทาง ระบบจะส่งสัญญาณเตือน หรือควบคุมพวงมาลัยเพื่อดึงรถกลับเข้าช่องทาง
          ประโยชน์ : ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการหลุดออกนอกช่องทาง
     5. ระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection)
          AI : ใช้เทคนิค Deep Learning เพื่อตรวจจับคนเดินถนนที่อยู่บริเวณโดยรอบรถ
          ADAS : เมื่อตรวจพบคนเดินถนน ระบบจะส่งสัญญาณเตือน หรือเบรกอัตโนมัติหากมีความเสี่ยงชน
          ประโยชน์ : ช่วยเพิ่มความปลอดภัยสำหรับคนเดินถนน
ADAS กับ AI
          สรุป ระบบ ADAS เป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการควบคุมรถยนต์ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยเซ็นเซอร์และกล้องต่างๆ และนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลด้วย AI เพื่อสั่งการระบบต่างๆ ของรถยนต์ในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งระบบ ADAS ก็เหมือนกับระบบอื่น ๆ ภายในรถยนต์ที่ต้องการการดูแลรักษาเช่นเดียวกัน ดังนั้นการ Re-calibrate ( การปรับเทียบ อ่านเพิ่มเติม คลิก !! ) ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่ต่างจากการถ่ายน้ำมันเครื่อง เพื่อให้การทำงานของระบบ ADAS ยังสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัยต่อผู้ขับขี่